วันพุธที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2552

โปโต้สุนัขหัวใจโต๊โต1

วันนี้ฟ้าปลอดโปร่งลีล่ากำลังทำงานอยู่ในคาเฟ่ของเธอ วันนี้ลูกค้าไม่เข้าร้านแฮะ ลีล่าพูด แล้วจึงปิดร้านคาเฟ่ของเธอ เมื่อเธอปิดไฟ ตุบ! เธอรู้สึกว่ามีอะไรตกลงมา ลีล่ารีบไปเปิดไฟทันที โอ๊ะ!สุนัขนี่เอง เธออุทาน มันหน้าตาจิ้มลิ้มมากๆ ตาโตด้วยล่ะ ขนนุ่ม หางม้วน ลีล่าจึงพูดอีกว่า เธอชื่อโปโต้นะเจ้าหมาน้อย ชอบชื่อนี้ไหม บ๊อก!โปโต้ร้องเสียงดังก้อง ลีล่าสร้างลังไม้เล็กๆให้โปโต้อยู่ไปก่อนถ้ามีที่ว่างเธอจะนำมันไปอยู่ด้วย บ๊อก! โปโต้เห่า ปัง!เสียงเปิดประตูดังขึ้น นี่!เสียงไรน่ะหมาใช่ไหม ห้ามเลี้ยงนะ เดี๋ยวขนมันจะฟุ้งคาเฟ่ ปิดคาเฟ่ทำไมเปิดสิ โถ! เจ้าของคาเฟ่ดุยาว แต่โปโต้มัน..... ลีล่าอธิบาย เงียบไปเลย เอาละดูแลคาเฟ่ดีๆนะฉันจะไปตลาด เข้าใจ๊! เจ้าของว่า ค่ะ ลีล่ารับปาก จากนั้นเจ้าของก็รีบไปตลาดทันที เอ้าโปโต้ถ้าคนนั้นมาอีกก็เข้าลังไม้นั่นนะ ลีล่าพูด โฮ่ง โปโต้ ตอบเหมือนมันเข้าใจใยดี จากนั้นมีลูกค้าเข้ามาอีก2คน ยินดีต้อนรับเปโร่คาเฟ่ค่ะ ลีล่าพูด อืมม์ ลูกค้าคนนึงบอก ชา1กาแฟ1นะลูกค้าอีกคนสั่ง มีพิรุธแฮะลูกค้า2คนนี้ ลีล่าคิด ชามาแล้วค่ะกาแฟมาแล้วค่ะ ลีล่าบอก อ่อ!เอาคุกกี้อีก2ชิ้นนะกลับบ้านผูกโบที่กล่องสวยๆนะ ลูกค้าสั่ง ค่า!ลีล่าตอบ โปโต้คาบโบสีแดงมาให้ลีล่า อืมม์ ขอบใจจ้ะ ลีล่าบอกขอบคุณโปโต้



โปรดติดตามตอนต่อไปว่าลูกค้า2คนนี้จะทำอะไร

วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2552

ปีศาจเทนโอโรโปโช

นานมาแล้วในหมู่บ้านอุชิดะ นางชังบุ กับ โฮเทง ได้มีลูกชื่อว่า โฮบุ เพราะรวมชื่อพ่อและแม่มาตั้ง โฮบุมีนิสัยขี้ถาม ถามว่าหมู่บ้านอุชิดะ มีปีศาจไหม ส่วนใหญ่ ชังบุและโฮเทงมักจะตอบไม่ได้ โฮบุจึงยิ่งสงสัยมากขึ้น เขายิ่งซุกซนและเริ่มสงสัยเรื่องความเชื่อของปีศาจที่อยู่ในหมู่บ้านอุชิดะ โฮบุถาม ชังบุ โฮเทงทุกวัน จนวันหนึ่งโฮเทงได้ตวาดไล่โฮบุไป นางชังบุเศร้ามากๆที่เสียโฮบุไป แต่นางก็ไม่สามารถเถียงกับโฮเทงได้ โฮบุเสียใจมากที่พ่อของตนทั้งโง่เขลาแถมยังใจร้ายอีก ต่อมา โฮบุได้มาอาศัยกับโชบุนคนในหมู่บ้านอาชิดะนั่นเอง โชบุนบอกว่ามีปีศาจในหมู่บ้านนามว่าปีศาจเทนโอโรโปโชนั่นเอง โฮบุได้ยินดังนั้นจึงขออาสาให้ตนไปปราบปีศาจเทนโอโรโปโชเพียงคนเดียว โชบุนให้โฮบุทำใจ1เดือนเมื่อโฮบุพร้อมเขาจะส่งโฮบุไป วันรุ่งขึ้นโฮบุพร้อมที่จะปราบปีศาจเทนโอโรโปโช
เขานึกถึงโฮเทงผู้เหี้ยวหามดุร้ายจนสามารถปราบปีศาจเทนโอโรโปโชได้

สอนให้ประหยัดกับจ้อนเทพแห่งเงิน

เกลี้ยงอีกแล้วค่าขนมของพะพาย จ้อนไม่ได้ห้ามซื้อขนมนะ! พะพายฟุ่มเฟือยต่างหาก ใช้เงินซี้ซั้วจนเกลี้ยงกระเป๋า จ้อนพูดจริงๆ
นะ พะพายหอบซองขนมกลับบ้านมาเต็มเลย ทิ้งไว้จนหมดอายุ แม่เลยต้องนำไปทิ้ง เสียดายเงินแท้ๆ จ้อนคงต้องรับผิดชอบพะพายด้วยนะ ก็สอนไง! จ้อนเหาะทะลุกระจกห้องพะพายเข้ามา พะพายไม่กลัวจ้อนพะพายรู้จักจ้อนดีแหละ พะพายถามว่า จ้อนนายมาทำไม ฉันไม่ได้เล่นเงินซี้ซั้วไรเลยนี่ ไม่ได้ไง จ้อนบอก เธอใช้ไปจนเกลี้ยงกระเป๋าก็ยังไม่สำนึกซักนิดเลยหรอ อือๆช่างเถอะเรื่องมันผ่านมาแล้ว นานแล้วด้วยซ้ำ กาลเวลามันผ่านไปไวเกินคิด พะแพงพูด จ้อนก้มดูขนมที่พะพายกินอย่างไม่สนใจเขา ทำอย่างกับเงินนั้นเอาไว้แลกกับของกิน มีคดีด้วยนะ พะพายอยากได้วิทยุรุ่นใหม่ เกือบขโมยเงินพ่อไป โชคดีที่จ้อนไปพบเข้า ห้ามไว้ทัน พะพายนิสัยไม่เหมือนพะแพงพี่ของเธอที่มีนิสัยประหยัดอดออม ชื่นชอบความคิดของจ้อน และเอ็นดูจ้อนเป็นอย่างมาก แถมยังใจดีอีกด้วย
พะแพงและพะพายนิสัยต่างกันมากเปรียบง่ายๆเลยการประหยัด พะแพงประหยัดไง ส่วนพะพายปาเงินทิ้งๆขว้างๆและไม่เคยเสียดาย
การสอนให้ประหยัดน่ะง่ายมากๆ แต่ลองสอนให้พะพายบ้างสิ เหงื่อจ้อนหยดจนชุ่มเลย


ติดตามตอนต่อไป

วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2552

โมโมทาโร่

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีสองตายายซึ่งเป็นสามีภรรยากัน
ได้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ทั้งคู่ช่วยกันทำมาหากินอย่าง
ขยันขันแข็งทุกวัน จนวันหนึ่ง ในขณะที่คุณยายไปซักผ้าอยู่ที่
ริมแม่น้ำ ก็มีลูกท้อขนาดยักษ์ลูกหนึ่งลอยตามแม่น้ำมา คุณ
ยายจึงเก็บกลับมาที่บ้านเพื่อนำมาให้คุณตากิน แต่เมื่อผ่าลูก
ท้อออกมา ทั้งคู่ก็ต้องตกใจเมื่อพบว่ามีเด็กผู้ชายคนหนึ่งอยู่ใน
ลูกท้อ โดยเด็กผู้ชายคนนั้นได้บอกว่า สวรรค์ส่งตัวเขาให้มา
เป็นบุตรของสองตายาย สองตายายจึงตั้งชื่อให้เด็กผู้ชายคน
นั้นว่า โมโมทาโร่ ซึ่งมาจาก โมโมะ ที่แปลว่าลูกท้อนั่นเอง
เดือนปีผ่านไป เมื่อโมโมทาโร่เติบโตขึ้น เขาก็ได้ยินว่ามี โอนิ (ยักษ์, ปิศาจ) ตนหนึ่งได้ออกอาละวาด
สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านไปทั่ว เขาจึงบอกกับสองตายายว่า เขาจะเป็นผู้ขออาสาไปปราบโอนิ
ที่เกาะ โอนิงะชิมะ เอง สองตายายจึงได้ทำขนมคิบิดังโกะ และมอบให้แก่โมโมทาโร่ เพื่อใช้เป็นเสบียง
ในระหว่างการเดินทาง ระหว่างทาง โมโมทาโร่ได้พบกับ สุนัข ลิง และนก เขาได้แบ่งขนมคิบิดังโกะให้สัตว์
ทั้งสามกิน พร้อมกับชักชวนให้ไปช่วยกันปราบโอนิ เมื่อไปถึงเกาะโอนิงะชิมะ โมโมทาโร่และสัตว์ทั้งสามก็
ได้ร่วมมือกันต่อสู้จนสามารถปราบโอนิได้สำเร็จ แล้วโมโมทาโร่ก็เดินทางกลับบ้าน พร้อมกับนำสมบัติกอง
โตของโอนิกลับมาด้วย ท่ามกลางความยินดีของสองตายายและเหล่าชาวบ้านในหมู่บ้าน

ทังก่าวผู้โลภมาก


ทังก่าวอยู่ในครอบครัวที่ค่อนข้างจนอดมื้อกินมื้อ ยิงปู้ลูกชายของทังก่าวถูกเพื่อนๆล้อเลียนว่าพ่อของนายนั้นโลภ เวลาเพื่อนๆไปบ้านยิงปู้
ชอบแกล้งลืมของทิ้งไว้ ทังก่าวก็จะไม่ยอมให้คืน เพื่อนๆก็จะฟ้องพ่อแม่ให้มาทวงคืน ยิงปู้และทังก่าวจึงโดนว่าตบทุบตีเพราะพ่อและแม่เพื่อนๆเข้าใจผิดว่าทั้งสองขโมยไป วันหนึ่งมีข่าวลือในหมู่บ้านของทังก่าวว่ามีสมบัติในถ้ำลึกลับซึ่งไม่มีคนสามารถรอดชีวิตออกมาได้ ในที่สุดข่าวลือก็มาถึงหูของทังก่าว จึงทิ้งให้ลูกๆอยู่กับแมชึงภรรยาของเขา แล้วแอบหนีไปที่ถ้ำลึกลับ ทังก่าวตัดสินใจเข้าไปในถ้ำอย่างกล้าๆกลัวๆ เพราะว่าเขาว่ากันว่ามีปีศาจในถ้ำบ้างก็ว่ามียักษ์เป็นสิบๆตน แต่เพื่อสมบัติแล้วทังก่าวก็ไม่ท้อแท้เช่นกันเขารีบเข้าไปทันที ต่อมาเขาเจอปีศาจตัวหนึ่งพูดว่า"ข้าจะไม่กินเจ้าต่อเมื่อเจ้าจะนำลูกเจ้ามาให้ข้ากิน"มันบอก "เจ้าก็ปล่อยข้าไปก่อนสิ"เขาพูด ปีศาจจึงปล่อยทังก่าวไป ทังก่าวรีบวิ่งกลับบ้านทันที พอถึงบ้านทังกจึงโผเข้ากอดภรรยาและลูกพลางบอกว่า"พ่อขอโทษพ่อจะไม่โลภมากอีกแล้ว" ต่อมาครอบครัวนี้ก็มีฐานะที่ดีขึ้น